งูเห่าฟิลิปปินส์ (Philippine Cobra/Northern Philippine Cobra) งูเห่าฟิลิปปินส์ มีพิษร้ายแรงมากที่สุดในบรรดางูเห่าด้วยกัน พบเห็นได้ทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ ด้วยพิษที่ส่งผลต่อระบบประสาทนี้ จะส่งผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจ การทำงานของระบบทางเดินหายใจ และเป็นพิษต่อระบบประสาท เหยื่อที่ถูกงูเห่าฟิลิปปินส์กัด อาจประสบภาวะระบบหายใจเป็นอัมพาต และเสียชีวิตได้ภายใน 30 นาที 9. งูไวเปอร์ (Vipers) งูในวงศ์ไวเปอร์ (Viperidae) เป็นงูพิษที่พบได้ทุกพื้นที่ทั่วโลกเว้นแต่ที่ แอน ตาร์กติกา ออสเตรเลีย ไอร์แลนด์ มาดากัสการ์และฮาวายบรรดางูไวเปอร์นั้นสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วและออกหากินในเวลากลางคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเว ลาหลังฝนตกพวกมันเลื้อยได้เร็วมากแต่สิ่งที่พิเศษที่สุดของงูพิษไวเปอร์นั้นก็คือพิษ ที่สามารถก่อให้เกิดอาการต่าง ๆ โดยเริ่มจากการปวดในบริเวณที่ถูกกัด ตามมาด้วยอาการบวมในทันที มักจะพบว่าเหยื่อมีเลือดออกโดยเฉพาะจากเหงือก ความดันโล หิตลดลงและอัตราการเต้นของหัวใจไม่ทำงาน ซึ่งนำไปสู่ความตายในที่สุด 10. งูเดธ เเอดเดอร์ (Death Adder) งูเดธ เเอดเดอร์ พบได้ในออสเตรเลียเเละนิวกินี มีลักษณะคล้ายงูไวเปอร์ ด้วยลักษณะร่างกายสั้นป้อมและมีหัวรูปสามเหลี่ยม มีเกล็ดขนาดเล็กมันเป็นงูที่ล่างูด้วยกันเองในการกัดเเต่ละครั้ง งูเดธ เเอดเดอร์ จะปล่อยพิษออกมา 40-100 มิลลิกรัม ซึ่งประกอบด้วยสารพิษร้ายเเรง 0.
ล่าสุด นิค นิรุทธ์ ชมงาม ผู้เชี่ยวชาญเรื่องงูของประเทศไทย โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊ก Nick Wildlife ระบุว่า มีข่าวว่ามีคนถูกงูเห่าพ่นพิษใส่ตา หลังจากไปขุดงูเตรียมนำมารับประทาน และหลายคนกังวลว่าตาจะบอดไหม ใครยังไม่เคยเห็นงูพ่นพิษ ก็ได้ดูในสารคดีได้ครับ ว่ามันเล็งเข้าตาแบบไหนแล้วต้องแก้ไขยังไง รับชมได้เลยครับ ทั้งนี้ งูเห่าเป็นงูที่มีพิษอันตราย พิษส่งผลต่อการทำงานของระบบประสาทในร่างกาย ในประเทศไทยมีงูเห่าทั้งหมด 3 ชนิด มีทั้งพ่นพิษได้และพ่นพิษไม่ได้ ได้แก่ 1. งูเห่าไทย (Naja kaouthia) พ่นพิษไม่ได้ สังเกตจากดอกจันด้านหลังคอจะเป็นรูปตัว O หรือแบบอานม้า พบได้มากในภาคกลางและภาคใต้ 2. งูเห่าพ่นพิษสยาม (Naja siamensis) พ่นพิษได้ สังเกตจากดอกจันเป็นรูปตัว U หรือ V หรือเลือนลางจนมองไม่เห็นดอกจันเลย พบกระจายตัวอยู่แทบทุกภาค ยกเว้นภาคใต้ 3.
greatlakesbestonetire.com, 2024 | Sitemap