เอกพจน์: ไม่ครับ ตอนนั้นทำงานซะส่วนใหญ่ แทบจะไม่มีเวลาส่วนตัว คือแทบจะไม่ได้ใช้เวลาแบบวัยรุ่น รู้ว่าตัวเองมีชื่อเสียงก็พยายามเจ้าใจมันว่าวันนึงมันก็อยู่กับเราได้ไม่นานหรอก มันอาจจะหมดเวลาไป ตอนนั้นเจ้าชู้ไหม? เอกพจน์: ไม่ครับ ถามว่าสาวๆ มารุมจีบเยอะไหมก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็มี ช่วงนั้นเวลาไปงานคุณแม่จะไปด้วยตลอด แม่ตามไปเก็บเงิน แล้วช่วงนั้นพี่เด๋อคอยดูแลด้วย ไม่อยากให้เราแตกออกไปเดี๋ยวมันจะมีผลกระทบต่องาน ต่อชื่อเสียง คุณอาหวงลูกสาวไหม? เอกพจน์: ตอนนี้เขาอายุ 20-21 ปีแล้ว ก็หวง แต่จริงๆ เป็นห่วงมากกว่า แน่นอนที่สุดพอเขาโตขึ้นเขาก็ต้องมีชีวิตของเขา มีความเป็นตัวของเขาเอง ก็เป็นห่วงคอยเตือนๆ เขาให้เดินไปในแนวทางที่ถูกต้อง แต่ไม่ถึงกับไปกีดกันอะไรเขา น้องมีแววอะไรไหม ทางวงการบันเทิง หรือการเมือง? เอกพจน์: การเมืองก็มีบ้าง น้องเรียนคณะรัฐศาสตร์ เป็นเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่เรื่องร้องเพลงน่าจะไกลเลยครับ เขาไม่ถนัดเท่าไหร่ แต่เรื่องของการเป็นนักแสดงหรืออะไร จริงๆ ต่อหน้าเรา เราไม่ค่อยเห็นหรอก เราไปเห็นเวลาเขาไปแสดงออก เมื่อก่อนไม่คิดว่าลูกสาวจะเป็นคนกล้าแสดงออก แต่เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็แสดงออกได้ดี คุณอามีโอกาสจับไมค์ร้องเพลง ขึ้นคอนเสิร์ตอีกครั้งไหม?
เอกพจน์: ใช่ๆ มันจะไม่ปกติหรอกครับ ของผมก็มีเรื่องของมือ เท้า ชา แล้วก็ร่างกายมันจะซูบไปเอง ปกติเป็นคนที่มีเนื้อ มีอะไร เดี๋ยวนี้แขนบางทีก็จะเห็นเส้นเลือด มันเหมือนร่างกายเราถูกทำลาย เนื้อเยื้อต่างๆ ก็ถูกทำลายไป ทีนี้พอเรามีอายุแล้วการฟื้นตัวมันค่อยข้างยาก อย่างนี้ส่งผลต่อการร้องเพลงไหม เห็นว่าเป็นตรงต่อมน้ำเหลืองด้วย? เอกพจน์: ไม่ครับ แต่ช่วงที่ให้คีโมนี่ร้องไม่ได้เลย เพราะกำลังมันไม่พอ มันจะเหนื่อย ช่วงนั้นคุณอาเป็นทั้งมะเร็ง แล้วไข้หวัดก็ระบาดด้วย? เอกพจน์: ก็เป็นไข้หวัดใหญ่ด้วย แล้วปวดมาก ปวดกระดูกอะไรหมดเลย นอนไม่ได้ ไปโรงพยาบาลที่เรารักษาตัว ตอนนั้นยอมรับว่าผลข้างเคียงของมันทำให้อารมณ์เราไม่ปกติ จะฉุนเฉียวได้ง่าย แล้วตอนนั้นรู้สึกไม่พอใจคุณหมอมาก ไม่ทำอะไรเลย ให้แค่พาราอย่างนี้ มันก็ไม่หาย จนต้องออกมาเข้าโรงพยาบาลเอกชน เห็นว่าตอนนั้นทรมานขั้นสุด ถึงขั้นตัดพ้อกับคนรอบข้าง? เอกพจน์: ทรมานมาก ปวดในกระดูก คนรอบข้างเล่าให้ฟังว่าคุณอาตัดพ้อว่าเป็นเวรกรรมฉัน ฉันทำอะไรไว้ถึงเป็นแบบนี้? เอกพจน์: ผมว่ามันจริงอย่างนึง มันเหมือนเป็นกรรมช่วงนึง สำหรับคนที่เป็นมะเร็ง เขาถึงบอกมันเป็นโรคเวรโรคกรรม ก็ยอมรับสภาพไป ตอนนั้นอะไรที่ทำให้คุณอาผ่านมันมาได้?
แล้วกรณีทำร้ายเกือบถึงชีวิตมีไหม? เอกพจน์: ไม่ถึงขนาดนั้น อาจจะแบบว่าวิ่งรถไปมีหินปากระจก อันนี้มี เราก็จับตัวคนทำไม่ได้ เพราะมันมืด เราก็เข้าใจ มันก็ไม่ถึงขั้นร้ายแรง แต่ ณ ขณะนั้นทางพรรคด้วยความเป็นห่วง เพราะมันเป็นระยะแรกๆ ที่เราได้รับเลือกตั้งเข้ามา กระแสมันยังร้อนแรงอยู่ ทางพรรคก็เลยส่งคนมาคอยดูแล กลัวไหม? เอกพจน์: จริงๆ เราพอจะรู้ก่อนที่เราจะลงอยู่แล้ว ซึ่งตอนนั้นก็รู้ว่ามันค่อนข้างจะแรงอยู่ แต่เมื่อเราตั้งใจแล้วมันก็กลัวไม่ได้ขนาดนั้น แต่ก็พยายามที่จะป้องกันตัวเอง จากคนเบื้องหน้าเป็นนักร้องดังทุกคนจะต้องเตรียมให้เราทั้งหมด แต่พอไปเป็น สส. เราจะต้องไปทำให้คนอื่นเขา มันปรับตัวยังไง? เอกพจน์: มันเป็นงานในด้านที่เราต้องบริการเขาด้วย ดูแลเขา คอยประสาน แก้ปัญหาให้เขา คือหน้าที่ของผู้แทนราษฎรเนี่ย มันเป็นหน้าที่นิติบัญญัติในสภา แต่ว่าในพื้นที่เราละเลยไม่ได้ เพราะเรามาจากการเลือกตั้ง เพราะฉะนั้นเราก็ต้องมีการเชื่อมโยงกับปีะชาชนเสมอ เรื่องของการประสานงาน ความคาดหวังให้เราเป็นตัวแทนเขาการที่จะประสานงาน แก้ปัญหา ดูแลเขา ก็เป็นเรื่องที่เราชอบอยู่แล้ว ตั้งแต่วันนั้นที่สมัคร ส. ส. จนถึงวันนี้กี่ปีแล้ว ที่เดินในสายการเมือง?
เอกพจน์ วงศ์นาค ชีวิตสู้กับมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เอกพจน์ วงศ์นาค เผยชีวิตหลังรู้ว่าป่วยเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและต้องเผชิญต่อสู้กับโรคร้่าย
เอกพจน์: ส. เนี่ย 4 สมัย ประมาณ 10 ปี ตอนนั้นช่วงการเมืองหยุดมา เพราะว่าประสบปัญหาด้านสุขภาพด้วย รวมแล้วเนี่ยร่วมๆ 20 กว่าปี แต่ในช่วงที่ไม่ได้เป็น สส. ในช่วงนั้นก็มีช่วงอุบัติเหตุทางการเมืองเราต้องหยุดไปก็เป็นช่วงที่ตัวเองก็ล้มป่วยด้วย แต่ว่าในพื้นที่ก็ยังทำงานอยู่ ยังประสานงานช่วยเหลืออยู่ ตอนช่วงเป็น ส. มีคนจ้างงานไปร้องเพลงด้วยไหม? เอกพจน์: มีจ้างไปบ้าง แต่เราก็ปฏิเสธไป เพราะส่วนใหญ่จะใช้เวลาอยู่ในพื้นที่ ในพื้นที่ไม่รับจ้าง เราต้องไปช่วยงานเขาด้วยซ้ำไป ใส่ซองช่วย แล้วก็ขึ้นไปร้องเพลงด้วย ช่วงที่ต้องเบรกงานเพราะป่วย ตอนนั้นเป็นโรคอะไร? เอกพจน์: มะเร็งต่อมน้ำเหลือง น่าจะระยะ 2-3 ประมาณนั้น เราทราบได้ยังไง? เอกพจน์: คือกระดุมเสื้อมันติดไม่ได้ เริ่มแน่นขึ้น มันเริ่มบวมขึ้นที่คอ แล้วให้คุณหมอตรวจดูก็น่าจะต้องผ่าเอาชิ้นเนื้อมาตรวจ พอตรวจก็พบว่ามีเชื้อมะเร็ง แล้วก็ทำการรักษาเลย ให้คีโม เคมีบำบัติ 12 ครั้ง ตอนนั้นตกใจมากไหม? เอกพจน์: แรกๆ ตกใจ เพราะเราไม่มีความเข้าใจในเรื่องของมะเร็ง มะเร็งมีหลายชนิด คุณหมอก็พยายามอธิบายให้เข้าใจ แรกๆ ผมเชื่อว่าทุกคนคงรู้สึกเหมือนกัน พอรู้ว่าเป็น กำลังใจหรืออะไรต่างๆ มันก็เริ่มถดถอยลง แต่พอเราทำความเข้าใจ วิธีทางเดียวที่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้น ก็คือเราต้องต่อสู้ ไม่ว่าเป็นการรักษาแบบไหนก็ต้องรักษา คุณหมอได้บอกไหม สาเหตุของการเกิดมะเร็งคืออะไร?
ส. เก่าเจ้าของพื้นที่ยาวนาน ซึ่งทำให้เอกพจน์ได้กลายมาเป็นนักร้องลูกทุ่งคนแรกที่ได้เป็น ส. ส. จากนั้น เอกพจน์ได้ศึกษาต่อจนจบในระดับปริญญาตรีที่ สถาบันราชภัฏเพชรบุรีวิทยาลงกรณ์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ และศึกษาต่อในระดับปริญญาโทรัฐศาสตร์มหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในการเลือกตั้งในปี พ. 2544 ได้ลงสมัครในพื้นที่เดิม สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ และได้รับเลือกตั้งอีก ใน การเลือกตั้งในปี พ. 2548 ได้ย้ายไปสังกัด พรรคชาติไทย ซึ่งก็ได้รับการเลือกตั้งอีก และใน การเลือกตั้งในปลายปี พ. 2550 ได้ลงเลือกตั้งอีกครั้งเป็นครั้งที่ 4 ใน จ. ปทุมธานี สังกัดพรรคชาติไทย และได้รับเลือกตั้งอีก ต่อมาในปี พ. 2551 ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคชาติไทยซึ่งถูกยุบใน คดียุบพรรคการเมือง พ. 2551 [2] เมื่อพ้นจากการถูกตัดสิทธิทางเมือง จึงลงสมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่เดิม สังกัด พรรคชาติไทยพัฒนา ในการเลือกตั้งในปี พ. 2557 แต่การเลือกตั้งเป็นโมฆะ จากนั้นเอกพจน์ได้หันมาทำงานการเมืองท้องถิ่น โดยเขาเป็นหัวหน้าทีม "เพื่อนเอกพจน์" และลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก เทศมนตรีเมืองคลองหลวง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี และได้รับเลือกตั้ง [3] ผลงานเพลงดัง [ แก้] เรารอเขาลืม มีแฟนหรือยัง ทหารเกณฑ์คนจน หนุ่มทุ่งคอยเธอ เชื่อผมเถอะน่า แอบฝัน เพียงฝัน ห้องนอนคนจน รักเพราะรอยยิ้ม คนสวยผิดนัด ไอ้หนุ่ม ต.
เอกพจน์ วงศ์นาค เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก เอกพจน์ วงศ์นาค เอกพจน์ วงศ์นาค เจ้าของเพลงดังอย่าง ทหารเกณฑ์คนจน และเป็นอดีต ส. ส. พรรคชาติไทย ป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เจ้าตัวลั่นฮึดสู้เพราะกำลังใจดี วานนี้ (11 มิถุนายน) นายเอกพจน์ ปานแย้ม หรือ เอกพจน์ วงศ์นาค อายุ 42 ปี อดีตนักร้องลูกทุ่งคนดัง เจ้าของเพลง ทหารเกณฑ์คนจน และอดีต ส.
เอกพจน์: ดูท่าจะยาก ถ้าเล่นคอนเสิร์ตอาจจะยาก แต่ถ้าเป็นงานเฉพาะบางครั้งคราวอาจจะมีบ้าง ทุกวันนี้ในพื้นที่ถ้าจัดงานได้ก็ร้องอยู่ แสดงว่าเราไม่มีการแขวนไมค์แน่นอน? เอกพจน์: ไม่หรอกครับ เรื่องเพลงมันอยู่ในสายเลือดอยู่แล้วครับ
greatlakesbestonetire.com, 2024 | Sitemap