ศ. 376 ชาว ก็อธ (Goths) และชนเผ่าที่ไม่ใช่ชาวโรมัน หนีจากพวก ฮัน มาลี้ภัยอยู่ในจักรวรรดิ ในปี ค.
0 ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ทุกบริษัทต้องเผชิญกับความท้าทายในการปรับเปลี่ยนทั้งด้านกระบวนการผลิต การทำงานร่วมกับคู่ค้า การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การบริการ และบุคลากร นับจากนี้ บริษัทต่างๆ จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างศักยภาพการดำเนินงาน และเพิ่มพูนทักษะของพนักงานให้สอดคล้องกับ Industry 4. 0 ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสและการเติบโตให้กับธุรกิจในยุคแห่งอุตสาหกรรมดิจิทัลได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ติดตามข่าวสารและคอนเทนต์ดีๆ เกี่ยวกับเทคโนโลยี ธุรกิจ และสิ่งแวดล้อมที่คุณไม่ควรพลาด ได้ที่เพจเฟซบุ๊ก PTT Expresso
0" หรือที่เราเรียกว่ายุค "Mechanical Production" ยุคนี้กำเนิดเครื่องจักรกลตัวแรก ที่ใช้ไอน้ำเป็นต้นกำเนิดกำลัง หรือที่เราเรียกว่า เครื่องจักรกลไอน้ำ ในปี คศ. 1705 โดยโทมัน นิวโคแมน (Thomas Newcoman) และเจมส์ วัตส์ ก็นำมาพัฒนาต่อนะครับ โดยยุคสมันนั้นเครื่องจักรกล จะถูกนำมาใช้ทดแทนกำลังจากสัตว์ที่เราใช้อยู่ในยุค 0 ครับ โดยผลลัพธ์คือ สามารถนำมาผลิตสิ่งท่อได้มากขึ้นกว่าเดิมถึง 3 เท่า และยังเชื่อมโยงระบบขนส่ง ด้วย รถไฟไอน้ำ และเรือกลไฟ นั้นก็เป็นเหตุผลในการเชื่อมโยงกลุ่มคนจำนวนมากเข้าด้วยกัน และเป็นจุดเริ่มต้นของยุคอุตสาหกรรม 2. 0 "อุตสาหกรรมยุค 1. 0" Mechanical Production "อุตสาหกรรมยุค 2. 0" หรือที่เรียกว่า "Mass Production" ในช่วงปี คศ. 1870 ในยุคนี้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงขนบธรรมเนียม และวิถีชีวิตของมนุษย์มากที่สุดครับ โดยมีการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมการผลิตอย่างมากมายครับ โดยเหตุการณ์สำคัญคือในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 มีการประดิษฐ์ และพัฒนาเครื่องกำเนิดไฟฟ้าได้สำเร็จ โดยนำไปใช้ในภาคอุตสาหกรรม ทำให้อัตราการผลิตจำนวนสินค้าเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยคุณภาพเท่ากับในช่วงยุค 0. 0 และ 1.
พระเจ้าหลุยส์ไม่สามารถตัดค่าใช้จ่ายในราชสำนักได้ แต่ก็พยายามแก้ไขโดย - ปรับปรุงการเก็บภาษีให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ก่อให้เกิดการไม่พอใจในกลุ่มคนบางกลุ่มที่ไม่เคยเสียภาษี - เพิ่มการกู้เงิน ซึ่งก็ช่วยทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ก็ต้องจ่ายค่าดอกเบี้ยมากขึ้นด้วยเช่นกัน - ตัดรายจ่ายบางประการ เช่น การเลิกเบี้ยบำนาน ลดจำนวนค่าราชการ ซึ่งทำให้เกิดความไม่พอใจในหมู่ข้าราชการ ยังส่งผลถึงการทำงานของราชการไม่มีประสิทธิภาพ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไม่เป็นผลสำเร็จ เนื่องจากแก้ไขที่ไม่ตรงจุด จึงไม่สามารถตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นลงไปได้ ด้านสังคม 1. การรับอิทธิพลทางความคิดของชาวต่างชาติ จาการที่ฝรั่งเศสเข้าไปช่วยสหรัฐอเมริกาทำสงครามประกาศอิสภาพจากอังกฤษ จึงทำให้รับอิทธิพลทางความคิดด้านเสรีภาพนั้นกลับเข้ามาในประเทศด้วย อิทธิพลทางความคิดที่สำคัญที่รับมาคือจากบรรดานักปรัชญากลุ่ม ฟิโลซอฟส์ (Philosophes) นักปรัชญาคนสำคัญคือ วอร์แตร์, จอห์น ล็อค, รุสโซ่ 2. เกิดปัญหาความแตกต่างทางสังคม อันเนื่องมาจากพลเมืองแบ่งออกเป็น 3 ฐานันดร คือ - ฐานันดรที่ 1 พระ - ฐานันดรที่ 2 ขุนนาง - ฐานันดรที่ 3 สามัญชน ฐานันดรที่ 1 และ 2 เป็นกลุ่มที่มีอภิสิทธิ์ชน คือไม่ต้องเสียภาษี ทำให้กลุ่มฐานันดรที่ 3 ต้องแบกรับภาระทั้งหลายอย่างเอาไว้เช่น การเสียภาษี การจ่ายเงินค่าเช่าที่ดิน และการถูกเกณฑ์ไปรบ กลุ่มฐานันดรที่ 3 ถือเป็นกลุ่มไม่มีอภิสิทธิ์ชน สาเหตุปัจจุบันของการปฏิวัติฝรั่งเศส ค.
1837 อเล็กซานเดอร์ เกรแฮม เบลล์ (ALEXANDER GRAHAM BELL) ประดิษฐ์โทรศัพท์ได้สำเร็จใน ค. 1876 และใน ค. 1901 ก็มีการ ประดิษฐ์วิทยุโทรเลขได้และส่งโทรเลขข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกได้สำเร็จ ธอมัส แอลวา เอดิสัน (THOMAS ALVA EDISON) ชาวอเมริกันประดิษฐ์หลอดไฟฟ้า เครื่องเล่นจานเสียง และ กล้องถ่ายภาพยนตร์ได้ ผลของการปฏิวัติอุตสาหกรรม มีดังนี้ 1. ประชากรทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะความ ก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และทางด้านการแพทย์เจริญก้าวหน้า ขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความสมบูรณ์ของอาหาร ระบบ สาธารณสุขและการดูแลสุขภาพอนามัย การเพิ่มประชากรอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดการอพยพจากชนบทมาหางานทำใน เมืองจนเกิดปัญหาความแออัดของประชากรในเขตเมือง 2. การก่อสร้างอาคารบ้านเรือนและสถาปัตยกรรม พัฒนาก้าวหน้ามากขึ้น เพราะการพัฒนาอุตสาหกรรมและ เทคโนโลยีการก่อสร้าง ทำให้อาคารแข็งแรงขึ้น การออกแบบ ก่อสร้างหอไอเฟล (EIFFEL TOWER) ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสใน ค. 1889 ถือเป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นการก่อสร้างที่ ทันสมัยของโลก 3. เกิดปัญหาสังคมต่างๆ มากมาย เช่น ชุมชนแออัด การแพร่กระจายของเชื้อโรค ปัญหาอาชญากรรม การใช้ แรงงานเด็ก การเอารัดเอาเปรียบกัน ทำให้เกิดแนวคิดของ ลัทธิสังคมนิยม (SOCIALISM) ของคาร์ล มาร์กซ์ (KARL MARX) ที่เรียกร้องให้กรรมกรรวมพลังกันเพื่อก่อการปฏิวัติโค่นล้มระบบ ทุนนิยม ทำให้ลัทธิสังคมนิยมมีบทบาทและอิทธิพลมากขึ้น 4.
ศ. 1913 จึงทำให้เกิดรถยนต์โมเดล ซึ่งมีจำนวนการผลิตมากถึง 15 ล้านคัน และหลังจากนั้นก็หยุดการผลิตการผลิตไปในปี ค. 1927 ซึ่งเป็นยุคที่มีการเปลี่ยนจากการใช้เครื่องจักรไอน้ำ มาสู่การใช้พลังงานไฟฟ้าส่งผลทำให้เกิดการผลิตจำนวนมหาศาลอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ด้วยเทคนิคการใช้สายพานในลักษณะเดียวกันนี้จึงได้รับการเผยแพร่ไปยังอุตสาหกรรมอื่น ๆ ทำให้ประสิทธิภาพในการผลิตเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลทำให้ต้นทุนในการผลิตลดลง จนถึงขั้นที่เรียกได้ว่า เป็นยุคที่มีการผลิตสินค้าเหมือน ๆ กันเป็นจำนวนมาก หรือที่เรียกว่า Mass Production ได้เกิดขึ้นแล้ว การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 3 ในยุคนี้เป็นการเริ่มต้นของการใช้คอมพิวเตอร์ เข้ามาใช้ในวงการอุตสาหกรรมในปี ค.
greatlakesbestonetire.com, 2024 | Sitemap