บริษัทโทรมาตอบตกลง สรุปได้เรทที่ต้องการ แต่จริงๆ ก็อยากรอผลอีกที่นึง เพราะเป็นบ.
I would like to work on improving my creativity. And teamwork. And this work looks most appropriate. (เพราะดิฉันเห็นว่าตรงตามกับคุณสมบัติทั้งหมดของงานที่ดิฉันกำลังมองหา ดิฉันปรารถนาจะทำงานที่ช่วยเพิ่มความคิดสร้างสรรค์ และการทำงานร่วมกันเป็นทีมและงานนี้ก็ดูจะเหมาะสมที่สุด) is my ideal work. (ตำแหน่งนี้เป็นงานในอุดมคติของดิฉันเลยค่ะ) คำถาม: What do you hope to get out of a job? (คุณหวังว่าจะได้อะไรจากการทำงาน) คำตอบ: I want a job where I can contribute, and also learn. (ดิฉันต้องการงานที่ดิฉันสามารถมีส่วนร่วมในงานและได้เรียนรู้เพิ่มขึ้น) ความรู้ในตำแหน่งงานและบริษัท คำถาม: What do you know about our company? Why are you interested in working for us? (คุณรู้อะไรเกี่ยวกับบริษัทเราบ้าง / ทำไมถึงอยากร่วมงานกับเรา) คำตอบ: Your company has a good reputation, it is well-established and has good management. I have also heard your company gives an opportunity for advancement to its employees. That is the reason why I want to work with you. (บริษัทของคุณมีชื่อเสียง เป็นที่ยอมรับและมีการจัดการที่ดี นอกจากนี้ยังรู้มาด้วยว่าบริษัทมีสวัสดิการและให้โอกาสที่ดีแก่พนักงาน นั่นคือเหตุผลที่ดิฉันต้องการทำงานร่วมกับคุณ) คุณสมบัติที่บริษัทควรเลือกคุณ คำถาม: What qualities do you need to make you successful in your work?
มีแผนอยากทำอะไรบ้างในอนาคต คำถามนี้ส่วนมากต้องการวัดว่า คุณมีเป้าหมายในชีวิตไปในทางไหน เช่น คุณมีแผนที่จะเรียนต่อหรือเปล่า หรือคิดจะทำธุรกิจของตัวเองในอนาคตไหม เพราะเกือบทุกบริษัทย่อมต้องการคนทำงานให้กับบริษัทในระยะยาว ดังนั้นสิ่งที่ควรตอบออกไปก็คือ อยากมีงานประจำที่มั่นคงก่อนในตอนนี้ และคิดว่าจะสร้างตัวเองจากงานที่ชอบและถนัดต่อไปเรื่อย ๆ 7. ทำไมบริษัทถึงต้องเลือกคุณ คำถามข้อนี้ก็เหมือนถามว่าเรามีจุดเด่นอะไรบ้างนั่นแหละค่ะ ดังนั้นตอบเสียงดังฟังชัดแบบกระชับได้ใจความไปเลยว่า อย่างแรกเลยคือความตั้งใจในการทำงาน และโดยส่วนตัวก็อยากทำงานในสายนี้มานานแล้ว คิดว่าเมื่อได้ทำในสิ่งที่รักก็คงทำงานออกมาได้ดี ที่สำคัญเป็นคนที่ชอบความยากและท้าทาย เพราะเป็นคนที่ชอบทุ่มเทความสามารถของตัวเองกับสิ่งที่ได้รับมอบหมายมาด้วย 8. จุดอ่อนของคุณคืออะไร ควรตอบคำถามนี้ด้วยความเป็นจริง และควรเลือกตอบคำถามแบบไม่ทำร้ายตัวเองด้วย เช่น เลือกจุดอ่อนที่สามารถปรับปรุงและพัฒนาได้อย่างบอกไปว่ามีพื้นฐานภาษาอังกฤษค่อนข้างต่ำ และตอนนี้กำลังเรียนทักษะภาษาอังกฤษเสริมอยู่ เป็นต้น 9. คุณมีปัญหากับการทำงานล่วงเวลาหรือต้องออกต่างจังหวัดหรือไม่ บางบริษัทอาจจำเป็นต้องให้พนักงานทำงานล่วงเวลาหรือออกไปทำงานนอกสถานที่บ้าง ซึ่งหากคุณทราบอยู่แล้วและไม่มีปัญหาในเรื่องนี้ก็ควรตอบไปตามความจริงเลย หรืออาจจะเสริมให้ดูดีอีกนิดหน่อยว่า คุณมีความพร้อมเสมอกับการทำงานล่วงเวลา เพราะงานต้องมาก่อนสิ่งใด 10.
จบใหม่นะ ถ้ามีประสบการณ์แล้ว เขาจะถามสิ่งที่เราเคยทำมาและเหตุผลที่ออกจากงาน ยกตัวอย่างที่เคยโดนสัมภาษณ์ - ให้แนะนำตัวเอง บางที่ให้แนะนำตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ - ให้บอกหน้าที่ของ จป. วิชาชีพ - ถามเกี่ยวกับกฎหมาย จป. แต่ละระดับมีหน้าที่กี่ข้อ, พนักงาน.... คน ต้องมี คปอ.
เตรียมประวัติของตนเอง ถ้าเพิ่งจบใหม่ หรือสัมภาษณ์งานครั้งแรก ประวัติการทำงานยังไม่มี เราต้องบอกว่าเราชื่ออะไร เรียนจบมาจากคณะและสาขาของมหาวิทยาลัยอะไร ฝึกงานที่ไหน เกรดเฉลี่ยเท่าไหร่ เพราะเกรดเฉลี่ยจะบ่งบอกถึงความรับผิดชอบ ขณะเดียวกันก็ต้องพรีเซนต์ในด้านการทำกิจกรรมด้วย เพื่อให้ผู้สัมภาษณ์เล็งเห็นว่าเป็นคนที่มีความกระตือรือร้นและสามารถทำงานเป็นทีมได้ เช่น กิจกรรมค่ายอาสา กิจกรรมผู้นำเชียร์ การแข่งกีฬา การประกวดร้องเพลง การประกวดเต้นคัฟเวอร์ เป็นต้น 4. เตรียมคำตอบว่าทำไมอยากทำงานตำแหน่งนี้ คำถามเบสิคสำหรับการสัมภาษณ์งานมักเป็นคำถามว่าทำไมถึงอยากทำงานตำแหน่งนี้ ถ้างานตรงกับสายที่เรียนก็สามารถเสริมไปได้ว่ามีความชอบความสนใจในงานสายนี้อยู่แล้วตั้งแต่แรก เช่น งานสถาปนิก ก็สามารถตอบไปได้ว่าสนใจในการออกแบบบ้าน ฝันอยากสร้างบ้านให้ตรงใจผู้อยู่ที่สุด แต่ถ้าจบไม่ตรงสายกับงานที่สมัครก็ต้องอธิบายกันเสียหน่อย และพยายามทำให้เห็นว่าถึงไม่ได้เรียนมาโดยตรง แต่เรามีความพยายาม และมีคุณสมบัติอะไรบ้างที่โดดเด่นเหมาะกับงาน 5. เตรียมคำตอบว่าจะทำงานได้หรือไม่ในเมื่อไม่มีประสบการณ์ แน่นอนว่าต้องมีคำถามนี้ เพราะการไม่มีประสบการณ์จะทำให้ด้อยกว่าผู้สมัครที่เคยมีประสบการณ์มาก่อนแม้จะไม่มาก ถ้าเคยฝึกงานให้ตอบไปเลยว่าเคยฝึกงานอะไร ทำอะไรมาบ้าง และมีจุดเด่นอะไร แต่ถ้าไม่มีเคยฝึกงาน ต้องพยายามพรีเซนต์ว่าจุดเด่นของเราคืออะไรที่ควรรับเราเข้าทำงาน เช่น เรียนรู้เร็ว ขยัน ตรงเวลา ทำงานภายใต้ความกดดันได้ดี เป็นต้น 6.
กรอกใบสมัครงานให้ครบถ้วน นักศึกษาจบใหม่มักจะกรอกข้อมูลหรือ เขียนเรซูเม่ ไม่ครบ ซึ่งข้อมูลที่ให้ผู้ประกอบการนั้นต้องครบถ้วน และช่วยนำเสนอตัวตนของคุณให้โดดเด่นกว่านักศึกษาจบใหม่รายอื่นๆ ข้อมูลทุกอย่างควรเป็นข้อมูลจริง พิสูจน์ได้ หากมีผลการทดสอบที่เกี่ยวข้องกับงาน ควรระบุไว้เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณา เช่น ผลการทดสอบวัดระบบภาษาอังกฤษ Toeic หรือ IELTS เป็นต้น 2. เตรียมรูปถ่ายให้พร้อม เลือกรูปที่ดูเป็นทางการ ไม่ควรใช้รูปที่ถ่ายเล่นๆกับเพื่อนหรือรูปเซลฟี่ เพราะจะทำให้คุณดูไม่เป็นมืออาชีพได้ หากตำเเหน่งงานไหนระบุข้อกำหนดของรูปภาพ เช่น รวบผมเปิดหน้า เห็นใบหูชัดเจน ก็ควรทำตามให้ครบถ้วน การแต่งกายถ้าเป็นไปได้ ควรใส่สูทให้เรียบร้อยเพื่อสร้างความประทับใจตั้งแต่ได้รับใบสมัคร ซึ่งนักศึกษาจบใหม่มักจะลืมรายละเอียดเล็กๆน้อยๆนี้ไป 3. เตรียมเอกสารการสมัครงานให้ครบถ้วน ถ่ายสำเนาเอกสารสำคัญต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในการสมัครงานไม่ว่าจะเป็น บัตรประจำตัวประชาชน, ทะเบียนบ้าน, จดหมายแนะนำตัว (Cover Letter), เรซูเม่ (Resume) โดยเฉพาะนักศึกษาจบใหม่ควรจะมีหลักฐานผลการทดสอบวัดระดับภาษา และประกาศนียบัตรต่างๆที่เคยได้รับขณะที่ศึกษาอยู่ เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นองค์ประกอบในการพิจรณาที่สำคัญ 4.
ขุดคุ้ยเรื่องปัญหาที่ทำงานเก่า หรือ เหตุผลแย่ ๆ ในการหางานใหม่ เพื่อทำให้ตัวเองดูดี หลายคนใช้วิธีบอกว่าหางานใหม่เพราะ ที่ทำงานเก่าเป็นอย่างโน้น ไม่ดีอย่างนี้…ประเภทเผาบ้านเก่าตัวเอง อย่างนี้ก็ไม่มีที่ไหนเขารับเข้าไปทำงานหรอกครับ เหตุผลสำหรับการหางานใหม่ สำหรับคนที่ทำงานอยู่แล้ว มันควรเป็นเรื่องความก้าวหน้าที่มากขึ้น และไม่ควรที่จะหันกลับไปถล่มที่ทำงานเก่า มันเป็นไปได้ครับที่ตำแหน่งงานที่เราต้องการในบริษัทเก่ามีเจ้าของอยู่แล้ว ยังไม่ถึงเวลาของเรา หากเขาไม่ออกเราก็ไม่ได้ แน่นอนครับหลายคนเลือกใช้วิธีลาออกเพื่อไปทำบริษัทใหม่ครับ อย่าเหยียบใครเพื่อให้ตัวเองดูดีครับ…. เพราะไม่มีที่ไหนเขาต้องการให้เราเข้าไปเหยียบหรอกครับ 9. ความสามารถ และ คุณสมบัติ ไม่ตรงกับตำแหน่ง สิ่งหนึ่งที่เราต้องยอมรับนะครับ บริษัทเขาจะรับคนที่มีคุณบัติดีที่สุดตรงกับตำแหน่งงานที่เราสมัครเข้าไปนั้น อาจจะมีคนที่เหมาะสมกว่าเรา ท้ายสุดหากไม่ได้ก็เดินหน้าหาต่อไป หรือ ปรับเปลี่ยนวิธีการหางาน การนำเสนอตัวเอง มากกว่าการส่ง resume เราอาจจะทำคลิปเพื่อนำเสนอตัวเอง (ยังกะ The Voice) แต่เชื่อผมเถอะวิธีแบบนี้มันสร้างจุดสนใจและเราได้คะแนนพิเศษนำมาตั้งแต่รอบแรกก่อนสอบสัมภาษณ์แล้ว หากเราไม่ได้งานไม่ใช่เราไม่เก่ง เราไม่มีความสามารถ แต่มีคนเหมาะสมกว่าเรามันก็เท่านั้นเอง 10.
(ให้ได้งาน) ขอให้น้อง ๆ นำเทคนิค การสัมภาษณ์งาน แนะนำตัวเอง ใน 3 นาที สำหรับ นักศึกษาจบใหม่ นี้ ไปฝึกฝนให้เข้ากับสถานการณ์ของตัวเอง จนคล่องและพูดได้แบบธรรมชาติ โค้ชเบ็น เชื่อมั่นมากว่า น้อง ๆ จะสร้างความประทับใจในช่วงสัมภาษณ์งาน พร้อมความมั่นใจ และได้งานในฝัน แน่นอนครับ
ความท้าทายที่คุณมองหาในการทำงานของคุณคืออะไร คำถามนี้ ผู้สัมภาษณ์ถามขึ้นเพื่อจะดูว่า คุณเป็นคนชอบทำงานแบบไหน บางคนอาจชอบทำงานเป็นระบบหรืองานที่มีรูปแบบเดิมๆ ซ้ำๆ ในขณะที่บางคนชอบทำงานใหม่ๆ ท้าทายตัวเองตลอดเวลา ซึ่งคำถามนี้มักจะถูกถามต่อด้วยว่า คุณจะใช้ความสามารถและประสบการณ์ของคุณอย่างไร เมื่อต้องเจอกับงานที่ท้าทาย การตอบคำถามนี้ คุณอาจจะตอบว่าคุณชอบที่จะทำงานใหม่ๆ ที่ท้าทายอยู่เสมอ มีความสามารถที่จะรับมือกับปัญหาต่างๆ โดยคุณ อาจยกตัวอย่างงานที่คุณคิดว่าท้าทาย และ อธิบายถึงวิธีการทำงาน หรือจัดการกับปัญหา ที่ทำให้งานนั้นประสบความสำเร็จด้วยทักษะและประสบการณ์ของคุณ 4.
greatlakesbestonetire.com, 2024 | Sitemap